#มีเรื่องดีๆ #จาก #ปัตตานี #มาเล่าให้ฟัง #จาก #เฟสฯ มะรุดี

วันนี้ตอนเย็นประมาณ 5 โมง ผมเดินลงมาจะกลับบ้าน เจ้าหน้าเรือนจำกำลังตรวจรายชื่อผู้ต้องขัง รถเรือนจำติดเครื่องรอขนผู้ต้องขังไปเรือนจำ มีผู้หญิงคนหนึ่งนั่งร้องไห้ สอบถามได้ความว่าแม่กับน้องชายถูกฟ้องฐานมีพืชใบกระท่อม ศาลปรับคนละ 7,500 บาท จะประกันตัวต่อก็ไม่มีเงินจ่ายนายประกันอาชีพ เลยกลับบ้านไปหยิบยืมเงินญาติมาได้ 6,000 บาท ไม่พอเสียค่าปรับ นายประกันอาชีพก็ไม่ช่วย แถมบอกว่าถ้าจะให้ช่วยต้องไปหาคนมาค้ำประกัน จึงจะยอมยื่นประกันชั้นอุทธรณ์ให้ เธอหมดหนทางที่จะช่วยแม่และน้อง ได้แต่นั่งร้องไห้โทษตัวเองว่าช่วยแม่ไม่ได้ ผมบอกว่าให้ยื่นคำร้องขอประกันตัว เพื่อออกไปหาค่าปรับมาชำระสิ เงิน 6,000 บาท ที่มีอยู่ก็ให้เอาเป็นเงินประกัน ผู้หญิงคนนี้บอกว่า ศาลปิดทำการแล้ว ผมบอกว่ายังไม่ปิด เธอเถียงว่าปิดแล้วก็เจ้าหน้าที่บอก ผมบอกว่าเดี๋ยวผมสั่งเปิดให้ดู แล้วหันไปบอกคุณเล็กว่า จัดการเรื่องนี้ให้เค้าหน่อย เดี๋ยวผมสั่งปล่อยเอง คุณเล็กจัดการให้เสร็จ แล้วก็ปล่อยคุณแม่เธอ ผู้หญิงคนนี้ยกมือไหว้หลายครั้ง ผมบอกเธอว่า ผมเป็นผู้พิพากษาของพระเจ้าอยู่หัว
ปัญจพล เสน่ห์สังคม
ศาลจังหวัดปัตตานี
1 สิงหาคม 2557

เราชาวปัตตานีขอขอบพระคุณท่านผู้พิพากษา รองหัวหน้าศาลจังหวัดปัตตานี. ในหลักการ. คนผิดก็ลงโทษ แต่ความเป็นมนุษย์ต้องรักษา ความเป็นธรรมจึงเกิด ชาวปัตตานีต้องการข้าราชการเช่นนี้ ครับผม
10557257_614562661990541_8708066636304330614_n

#ทหารบุกยึดทรัพย์ ‘#เสี่ยโจ้’ #ปัตตานี #กว่าร้อยล้าน

ทหารบุกยึดทรัพย์ ‘เสี่ยโจ้’ ปัตตานี กว่าร้อยล้าน

เมื่อเวลา 09.30 น. พ.อ.จตุพร กลัมพสูตร รองผู้บังคับหน่วยกองกำลังทหารพรานจังหวัดชายแดนภาคใต้ และหัวหน้าชุดปราบปราบภัยแทรกกซ้อนต่อความมั่นคง ภาค 4 ส่วนหน้า นำกำลังทหารพร้อม จนท.สรรพากร เข้ายึดทรัพย์ นายสหชัย เจียรเสริมสิน หรือ เสี่ยโจ้ ตามคดีล้มละลาย หมายเลขคดี 3488/2555

โดยเข้าตรวจค้น หจก.สหทรัพย์ทวีค้าไม้ ซึ่งตั้งอยู่ในเขตอุตสาหกรรมปัตตานี เลขที่ 103/49 ต.บานา อ.เมือง จ.ปัตตานี และตรวจเอกสารที่หลงเหลือ รวมทั้งตู้เซฟอีก 2 ตู้ มีเงินอยู่ 28 ล้าน 3 แสนบาท และทรัพย์สินอื่นๆ มูลค่าไม่ต่ำกว่า 100 ล้านบาท ซึ่งในเบื้องต้น จนท. ยึดทั้งหมดไว้ก่อน โดยขณะเข้าตรวจค้นเสี่ยโจ้ไม่อยู่ในบ้าน….เบื้องต้น จนท.จึงยึดทรัพย์สินทั้งหมดไว้ และคาดว่าจะนำออกแถลงข่าวต่อสื่อมวลชนต่อไป

ทั้งนี้ จากเมื่อวันที่ 17 มิถุนายน ที่ผ่านมา ทหารหน่วยเฉพาะกิจปัตตานี 23 ร่วมกับกองกำลังทหารพรานจังหวัดชายแดนภาคใต้ อาศัยอำนาจตามกฎอัยการศึกเข้าควบคุมตัวนายสหชัย (เสี่ยโจ้) พร้อมอายัดเอกสารต้องสงสัยเกี่ยวข้องกับการค้าไม้และน้ำมันเถื่อนในจังหวัดชายแดนภาคใต้ รวมทั้งพบเงินสกุลต่างๆ ไว้ในตู้นิรภัยจำนวนหลายตู้ ส่อมีความผิดฐานฟอกเงิน.. ซึ่งตัวเสี่ยโจ้ได้ขอการประกันตัวออกไปแล้ว cr. cathay mee
10559864_614534491993358_3991770621381669558_n10553573_614534538660020_676998684689180919_n

#THAILAND #Robbed in a #southern- #bound #sleeper #train

Nine passengers of a southern-bound sleeper train were robbed of their smart phones and about 2,500 baht in cash while they fell asleep.
The unusual robbery took place on the 10th car of the second-class air-conditioned sleeper express train from Bangkok bound for Su-ngai Kolok which was one carriage away from the Ladies and Children’s Bogey.

The incident was believed to take place at between 3 am and 6 am on Tuesday as the train was running from Thung Song to Hat Yai.

One of the nine victims, Pathom Pinakun, a paramilitary ranger, told police that he went to bed at about 3 am after having finished his guard duty on the train. He said he woke up at about six in the morning as the training was approaching Hat Yai and found out that his smart phone had gone missing.

Pathom then woke up the other two rangers who also admitted that their smart phones were gone. The three then woke up the other 30 passengers in the same car and discovered that six of them had lost their smart phones too.

Pathom later said he felt unusually sleepy and suspected that he and the other passengers might have been drugged.

A complaint was later filed with the police in Hat Yai and police in Thung Song was also notified of the incident because it was not known where the robbery exactly took place.
EyWwB5WU57MYnKOuFBrCMqcmNvpMaoMIjA2aJhaGPIIGJe9BKoaMZG10568844_614413592005448_6233528464102473643_n10577155_614505501996257_1082799124578362307_n10410211_614413538672120_2747106695332207451_n

#37 #กรุงเทพ – #สุไหงโกลก #คำชี้แจง.. #รฟท.!! #ตรวจสอบข้อเท็จจริง #กรณี #โทรศัพท์..

การรถไฟฯ กำหนดมาตรการป้องกันการโจรกรรมทรัพย์สินบนขบวนรถไฟ
นายประเสริฐ อัตตะนันทน์ รองผู้ว่าการฯ รักษาการในตำแหน่งผู้ว่าการรถไฟฯ เผยมาตรการป้องกันหลังการประชุมร่วมกับผู้บริหาร และตำรวจรถไฟ กรณีเกิดเหตุโจรกรรมโทรศัพท์แบบพกพาของผู้โดยสารบนขบวนรถด่วนที่ 37 (กรุงเทพ – สุไหงโก-ลก) ในรถนั่งและนอนปรับอากาศ คันที่ 10 ส่วนรถ Ladies and Children Car เป็นคันที่ 11/1 ซึ่งอยู่ห่างจากคันดังกล่าวไปอีก 2 คัน โดยมีรถนั่งและนอนปรับอากาศคันที่ 11 คั่นอยู่
ทั้งนี้ หลังจากที่ฝ่ายการเดินรถได้เข้มงวดมาตรการปิดล็อคตู้รถนอนบนขบวนรถตั้งแต่ เวลา 22.00 น. และให้พนักงานรักษารถ เดินตรวจทุก 2 ชม. เพื่อป้องกันมิจฉาชีพหรือเหตุอื่นที่เกิดขึ้นภายในตู้นั้น อาจเป็นเหตุให้มิจฉาชีพแฝงตัวเป็นผู้โดยสารเข้ามาโจรกรรมสิ่งของภายในรถ จึงได้หารือกับผู้เกี่ยวข้องพิจารณายกระดับการรักษาความปลอดภัยให้แก่ผู้โดยสารดังนี้
1. ให้พนักงานขบวนรถประชาสัมพันธ์ให้ผู้โดยสารระมัดระวังทรัพย์สินของตน อย่าไว้ใจคนแปลกหน้า หากมีเหตุอันใดให้แจ้งพนักงาน หรือตำรวจรถไฟบนขบวนรถทันที
2. ให้พนักงานรักษารถ พร้อมตำรวจรถไฟ จำนวน 2 นาย ออกตรวจบนขบวนรถทุก 1 ชั่วโมง ตั้งแต่เวลา 24.00 – 05.00 น. โดยแจ้งประกาศให้ผู้โดยสารทราบก่อน และไม่ทำให้รบกวนผู้โดยสาร
3. ประชาสัมพันธ์ขอความร่วมมือผู้โดยสาร เมื่อซื้อตั๋วโดยสารกรุณาแจ้งชื่อ และเลขบัตรประชาชนให้ตรงกับผู้ที่จะเดินทาง ในชั้นแรก หากผู้เดินทางจริงไม่ตรงกับที่ระบุในตั๋ว พนักงานจะเปลี่ยนชื่อให้ตรงกับบัตรประชาชนของผู้เดินทางจริง ทั้งในตั๋วของผู้โดยสารและผังที่นั่งของพนักงานบนขบวนรถ เพื่อให้ตรวจสอบได้ในภายหลัง
4. ในขั้นตอนต่อไป การรถไฟฯ จะออกระเบียบให้ผู้โดยสารที่ต้องการซื้อตั๋วโดยสารรถไฟ ต้องแจ้งชื่อและเลขบัตรประชาชน ตั๋วโดยสารหนึ่งใบต่อชื่อและเลขบัตรประชาชนหนึ่งท่านเท่านั้น
5. การพิจารณาติดกล้อง CCTV บนขบวนรถ หากทดสอบแล้วระบบสามารถรองรับการสั่นสะเทือนของตัวรถขณะวิ่งได้ ก็จะดำเนินการต่อไป
ส่วนในรูปคดี หลังเกิดเหตุเป็นช่วงเวลา 03.00 น. ที่ไม่มีผู้โดยสารขึ้นลง กรณีที่ผู้โดยสารรู้สึกว่ามีอาการเหมือนโดนวางยาสลบนั้น ต้องรอผลการสอบสวนจากเจ้าหน้าที่ตำรวจ ในส่วนของพนักงานการรถไฟฯ ได้สั่งให้พนักงานรักษารถ พนักงานห้ามล้อ 2 คน และพนักงานในคันที่เกิดเหตุ รวม 4 คน ลงให้ปากคำที่สถานีหาดใหญ่ และสั่งให้พักการขึ้นปฏิบัติงานบนขบวนรถไว้ก่อน จนกว่าผลการสอบสวนจะเสร็จสิ้น
ซึ่งรักษาการผู้ว่าการรถไฟฯ ได้กล่าวแสดงความเสียใจกับเรื่องที่เกิดขึ้น ทั้งที่ได้วางมาตรการให้รัดกุมเพื่อป้องกันความปลอดภัยแก่ผู้โดยสารแล้ว แต่เมื่อเกิดเหตุการณ์ขึ้นอีก ก็ต้องพยายามหาวิธีการและเครื่องมือหรือเทคโนโลยีต่าง ๆ ให้ผู้โดยสารปลอดภัยมากยิ่งขึ้น
******************************
ส่วนนี้จากผู้เสียหาย เราไม่ได้เอาตาม นสพ.ทุกฉบับ,ทุกสื่อ เราเจาะข้อมูลจากผู้เสียหายกันจริงๆ – พรุ่งนี้เราจะตามประเด็นเรื่องโดนยาหรือป่าว ต้องตรวจสอบถามผลจากแพทย์พรุ่งนี้ …ส่วนที่ จนท.ตร.รถไฟ ปฏิเสธฯกันเสียงแข็งว่าไม่มีโดนยา…ซึ่งผู้เสียหายทุกคนมีคำถามมาว่า เป็นไปได้งัย.. คือผู้เสียหายได้วางโทรศัพท์อยู่ใต้เบาะหมอนถูกล้วงไปได้งัย โดยไม่รู้สึกตัว แถมนอนก็นอนตี 3 พร้อมกันหมด ตื่นก็ตี 5 กว่าพร้อมกันหมด ผ้าม่านที่นอนถูกเปิดแง้ม กระเป๋าบนที่นอนถูกรื้อ ขณะที่การรื้อค้นกระเป๋าและหยิบมือถือไป ต้องเอื้อมข้ามศีรษะไปหยิบบ้าง เอื้อมไปใต้หมอนบ้าง กลับไม่มีใครรู้สึกตัว ซึ่งรวมถึงทหารพรานที่นั่งในโบกี้เดียวกันก็ไม่รูสึกตัวแถมหยิบกระเป๋าเงินเค้าไปด้วย.. ทั้งที่ตู้นั่นก็มีแต่ข้าราชการครู,นักเรียน และจนท.อส.ทหารพราน เป็นส่วนใหญ่เป็นผู้มีวุฒิภาวะกันทั้งนั่น ไม่ใช่สาวๆวัยรุ่นกัน อารัยมีเหตุที่ทำให้ทั้งตู้โดยสารตู้นี้หลับกันหมดโดยไม่รู้สึกตัวบ้างเรย….ไม่ใช่ว่าตำรวจรถไฟ นึกพูดอารัยก็พูดเพื่อออกข่าวปัดความรับผิดชอบของตัวเอง..เราขอยืนยันทรัพย์สินที่สูญหายมากกว่าหลักแสน!! CR. CATHAY MEE

10577155_614505501996257_1082799124578362307_n10527811_614504908662983_7983572676111828973_n

คำชี้แจง..รฟท.!! ตรวจสอบข้อเท็จจริง กรณี โทรศัพท์และกระเป๋าตังค์ของผู้โดยสารบนขบวนรถด่วนสายใต้ขบวนที่ 37 ตู้ที่ 10 สูญหาย.. (แถมผู้เสียหายนอนหลับไม่รู้สึกตัวทั้งตู้โบกี้ เหมือนคล้ายๆโดนวางยา เหตุเกิดประมาณตี 4 เช้านี้)

นายทนงศักดิ์ พงษ์ประเสริฐ ผู้อำนวยการฝ่ายการเดินรถ การรถไฟแห่งประเทศไทย เผย ได้รับแจ้งเหตุโจรกรรมโทรศัพท์แบบพกพาของผู้โดยสารบนขบวนรถด่วนที่ 37 (กรุงเทพ – สุไหงโก-ลก) รถนั่งและนอนปรับอากาศ คันที่ 10 (ซึ่งไม่ใช่รถ Ladies and Children Car) สูญหายนับสิบรายบนขบวนรถ ซึ่งคนร้ายได้ถอดซิมการ์ดทิ้งเอาไว้ เอาไปเฉพาะตัวเครื่องโทรศัพท์ และกระเป๋าตังค์เล็กๆ (รวมมูลค่าทรัพย์สินไม่ต่ำกว่า 2 แสนบาท)

เบื้องต้นได้ประสานงานกับผู้บังคับการตำรวจรถไฟ จัดส่งรายชื่อและเลขประจำตัวประชาชน 13 หลัก ของพนักงานและผู้โดยสารทุกคนบนตู้ดังกล่าว เพื่อตรวจสอบ รวมทั้งสั่งการให้ตรวจสอบกล้องวงจรปิดตามสถานีรายทาง ตลอดจนสอบสวนพนักงานบนขบวนรถที่เกี่ยวข้อง เพื่อหาข้อเท็จจริง และได้รายงานให้นายประเสริฐ อัตตะนันทน์ รักษาการในตำแหน่ง ผู้ว่าการรถไฟฯ ทราบแล้ว

ทั้งนี้ การรถไฟฯ และตำรวจรถไฟไม่ได้นิ่งนอนใจเร่งให้ผู้เกี่ยวข้องดำเนินการตรวจสอบ เมื่อมีความคืบหน้าจะแจ้งให้ทราบต่อไป
EyWwB5WU57MYnKOuFBrCMqcmNvpMaoMIjA2aJhaGPIIGJe9BKoaMZG10568844_614413592005448_6233528464102473643_n10547662_614413568672117_4070234618285659378_n10410211_614413538672120_2747106695332207451_n

รฟท. สายใต้ ฉาวงามใส้!! โทรศัพท์และกระเป๋าตังค์มีค่า หายทั้งตู้โบกี้!! Continue reading “#37 #กรุงเทพ – #สุไหงโกลก #คำชี้แจง.. #รฟท.!! #ตรวจสอบข้อเท็จจริง #กรณี #โทรศัพท์..”

#Italian #energy giant #Eni #enters #Myanmar #Burma

Italian energy giant Eni has signed production sharing contracts for the exploration of two onshore blocks in Myanmar.
The joint venture is between Eni, the operator with a 90% participating interest through Eni Myanmar, and the Myanmar Production and Exploration Company Ltd (10%).
Blocks RSF-5 covers an area of 1.292 sqkm in the prolific Salin Basin about 500 km north of Yangon, while block PSC-K covers an area of 6.558 sqkm in the unexplored Pegu Yoma-Sittaung Basin, in the central part of Myanmar.
“This agreement marks Eni’s first entry into Myanmar, a rapid expanding economy, and confirms its strategy to reinforce its presence in the Southeast Asia region, where Eni is already present in China, Vietnam, Indonesia and Timor Leste,” Eni said in a release. [01/08/14]
eni

#Australian #government #offers #citizenship to #Thai #surrogate #baby #Gammy’

BANGKOK, Aug 5 — The Australian government has granted citizenship to the disabled surrogate baby of an Australian couple to cover its treatment cost.

It is the latest development of the case of the baby identified as “Gammy” who was born with Down’s syndrome and heart disease from a Thai surrogate mother serving the Australian couple.

It has turned out that Grammy has a twin sister whom the couple took to Australia while Gammy was left in Thailand. Grammy’s story has drawn global attention.

At Samitivej Sriracha Hospital in Chon Buri, the Thai surrogate mother and Vijit Phanayingphaisal, the hospital’s marketing and public relations chief, told the press that Canberra offered Australian citizenship to Gammy for lifelong medical well being.

The mother said she accepted the offer but would not have the baby treated in Australia as she already received medical payment from an Australian foundation.

She would not let the baby be treated in Bangkok either. She said the treatment in Chon Buri was good enough. (MCOT)
14072307937035-640x390x1

#MYANMAR #BURMA #Rakhine #State has #over #one #million #Bengalis #living

Rakhine State Government recently said more than one million Bengalis live in the state which has just nearly three million people.
Official figures show there are nearly three million people living in the state where 1.05 million are Bengalis and more than 1.9 million are ethnic nationals.
Sittwe District has a population of 687,922 including 483,088 ethnic nationals and 204,834 Bengalis while Sittwe Township has more Bengalis than ethnic people living as it has 94,934 ethnic people and 136,435 Bengalis.
The government said Maungdaw District has a population of 802,613: where Maungdaw Township has 23,446 ethnic people and 486,768 Bengalis living while Butheetaung Township has 40,496 ethnic people and 251,903 Bengalis.
Kyaukphyu District has a population of 429,427 including 418,280 ethnic people and 11,147 Bengalis and Thandwe District has a population of 325,807 including 317,807 ethnic people and 8000 Bengalis.
The former military government had established 27 villages from 1991 to 2006 in Maungdaw Township and eight villages from 1991 to 2000 in Butheetaung Township, according to official data.
Currently the state has five state-owned factories and mills running, among them the sugar factory in Kyauktaw Township is run currently by a private company.
MP Hla Swe lately asked a non-asterisked question at the parliament about the official figures of the state, and responded by the Rakhine government.eleven media

myanmar burma Bengali, so called "rohingya" population growing
myanmar burma Bengali, so called “rohingya” population growing

#ใครๆ #ก็เชียร์คุณประยุทธ์ให้เป็นนายก

ใครๆก็เชียร์คุณประยุทธ์ให้เป็นนายก

แต่ฉันกลับรู้สึกว่า ไม่สง่างาม เพราะคุณประยุทธ์พูดอยู่ประจำว่ามิได้ต้องการอำนาจ แต่ต้องการช่วยบ้านเมือง ฉันฟังแล้วสบายใจ ว่าคุณประยุทธ์กำลังเดินตามรอยเบื้องยุคลบาท ปฏิบัติตามพระราชดำรัสของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว คุณประยุทธ์กำลังปิดทองหลังพระ

หากคุณประยุทธ์มานั่งในตำแหน่งนายกรัฐมนตรี หลายคนอาจจะรู้สึกดี เพราะมีอำนาจเบ็ดเสร็จ สามารถขับเคลื่อนกระบวนการปฏิรูปให้บรรลุวัตถุประสงค์อย่างรวดเร็ว แต่อาจจะขาดความสง่างาม ภาคภูมิ และเป็นที่ดูถูกของฝ่ายตรงข้าม รวมทั้งต่างชาติและผู้ที่ไม่เห็นด้วย

หากคุณประยุทธ์ต้องการจะควบคุมอำนาจในกระบวนการปฏิรูปให้อยู่ในมือ ไม่ต้องเป็นนายกก็ทำได้ โดยเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เป็นหัวหน้า คสช. แค่นี้อำนาจก็ล้นฟ้าแล้ว ไม่จำเป็นต้องเอาตัวไปเกลือกกลั้วกับตำแหน่งที่มีปัญหา

ส่วนผู้ที่เหมาะสมกับสถานการณ์เช่นนี้ และมีภาพลักษณ์เป็นที่ยอมรับได้ ทั้งมือสะอาด ฉลาด สุขุม รู้ไส้รู้พุงทุกขดของพวกข้าราชการ เป็นที่ยอมรับของคนต่างชาติ ที่สำคัญ เป็นผู้จงรักภักดีอย่างยิ่งยวด นั่นก็คือ หม่อมหลวงปนัดดา ดิสกุล ปลัดสำนักนายกในขณะนี้ หากคุณประยุทธ์เห็นอย่างที่ฉันเห็น ท่านปนัดดาน่าจะเหมาะอย่างยิ่งกับตำแหน่งนายกรัฐมนตรีในช่วงหัวเลี่ยวหัวต่อ อีกทั้งท่านปนัดดา ยังมีภาพความประนีประนอม น่าจะได้รับความร่วมไม้ร่วมมือกับคนทุกกลุ่มทุกฝ่าย บรรยากาศความปรองดองที่คุณประยุทธ์อยากเห็นในบ้านเมือง จะเกิดขึ้นโดยมิยาก หรือคุณประยุทธ์ว่าไง

พุทธะอิสระ
5 ส.ค. 57
BUDDHA ISSARA

#National #Anti-Corruption #Commission (NACC) #criminal #case #file #against #Yingluck #Shinawatra

The National Anti-Corruption Commission (NACC) submitted its criminal case file against former prime minister Yingluck Shinawatra regarding the rice pledging scheme to the Office of the Attorney-General (OAG) on Tuesday.
The NACC accused Yingluck of malfeasance in office under Article 157 of the Criminal Code for her gross negligence in overseeing the scheme causing enormous 500 billion baht loss to the state coffers.

OAG spokesperson Mrs Santanee Disayabutr said the OAG would set up a special team led by its deputy chief to look into all the charges and the evidences.

If there are substantial evidence in the report, the OAG could then proceed the prosecution in the Supreme Court’s Criminal Division for Holders of Political Posts, she said.

Since the case is the focal interest of the public, the OAG will undertake it with care and base on the NACC’s reports.

She said if all evidence are proved, it could then proceed the prosecution in 30 days.

Asked if the prosecution would be obstructed when the accused is still abroad, she assured that the prosecution will go ahead although she does not show up, reasoning that at this stage, it is not necessary yet for her to appear as having her current permanent residence known is enough.

Yingluck’s lawyer is scheduled to petition the OAG against the NACC’s charges Wednesday.cr. thai pbs
yingluck